|
ข่าวเศรษฐกิจเกี่ยวกับอ้อยและน้ำตาล (เดือนธันวาคม 2566) |
ของขวัญปีใหม่รัฐบาล คิกออฟจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกร ตัดอ้อยสดกว่า 7 พันล้านบาท
รัฐบาลคิกออฟ กดปุ่มจ่ายเงินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี กว่า 7 พันล้านบาท เป็นของขวัญปีใหม่ ยืนยันรัฐบาลมุ่งหมายที่จะแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างจริงจัง เพื่อสิ่งแวดล้อมและระเบียบโลกยุคใหม่
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 66 ที่บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหาร เข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมคิกออฟ โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมด้วย
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกดปุ่ม Kick off และพบปะทักทายเกษตรกรชาวไร่อ้อยผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) โดยรองนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะขณะนี้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยมีค่าสูง ถ้าเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดไร่อ้อยสด ก็จะลดภาวะของฝุ่นละอองลง ซึ่งจะเป็นผลดีกับทุกภาคส่วน ทั้งนี้ รู้สึกยินดีกับเกษตรกรที่ได้รับเงิน การจ่ายเงินในวันนี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย พร้อมทั้งขอให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไปจนประสบความสำเร็จ
นอกจากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลมีจุดมุ่งหมายที่จะแก้ปัญหา PM 2.5 เนื่องจากขณะนี้ปัญหา PM 2.5 เป็นปัญหารุกลามไปเกือบทั่วประเทศ ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำไร่อ้อยในลักษณะเดิมๆ คือ การเผาอ้อย ซึ่งจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ รัฐบาลได้ใช้ประเด็นนี้เป็นเงื่อนไขในการเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรเข้ามาร่วมโครงการนี้ อีกทั้งมาตรการการค้า ระเบียบโลกนั้นกำลังเปลี่ยนแปลง การซื้อขายสินค้าหากสินค้าเหล่านั้นมีการกระทบกับสิ่งแวดล้อมก็จะก่อให้เกิดปัญหา โครงการนี้จึงเป็นมาตรการจูงใจให้กับเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนที่จะทำให้การค้าขายระหว่างประเทศในระเบียบโลกใหม่สามารถเดินไปได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการสนับสนุนเกษตรกรตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ในฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 ด้วยกรอบวงเงิน 7,990 ล้านบาท โดยให้เร่งจ่ายเงินให้ทันในเดือน ม.ค. 67 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เข้าหลักเกณฑ์และมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนทั้งสิ้น 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสด 64.53 ล้านตัน วงเงิน 7,744 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งดำเนินการร่วมกับ ธ.ก.ส. โดยสามารถจ่ายเงินสนับสนุนในรอบแรกได้ในวันที่ 26 ธ.ค. 66 นี้ โดยมีชาวไร่ที่จะได้รับเงินจำนวน 105,411 ราย ปริมาณอ้อยสด 57.65 ล้านตัน วงเงิน 6,918 ล้านบาท.
จาก https://www.thairath.co.th วันที่ 26 ธันวาคม 2566
รัฐโอนเงิน 6.9 พันล้าน "จ่ายชาวไร่อ้อยตัดสด" กว่าแสนราย เข้าบัญชีวันนี้
ข่าวดี "ชาวไร่อ้อย"ตัดสดกว่าแสนราย เช็คเงินเลย รัฐบาลโอนเงิน 6.9 พันล้านบาท เข้าบัญชีวันนี้ ตามมติ ครม. เห็นชอบอนุมัติโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการโอนเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา เข้าบัญชีวันนี้ (26 ธ.ค. 66)
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ตามมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบโครงการดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
"รัฐบาลมุ่งดูแลและสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์"
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 64.53 ล้านตัน เป็นเงิน 7,743.859 ล้านบาท
โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันนี้ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 105,411 ราย เป็นเงิน 6,918.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน
สำหรับเกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนจะสามารถเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี รวมทั้งนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเผาอ้อย
"ในอนาคตจะนำเครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการในไร่อ้อย ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การเพาะปลูก การบำรุง และการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
จาก https://www.thansettakij.com วันที่ 26 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยรับของขวัญปีใหม่ รัฐคิกออฟโอนเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดเข้าบัญชีวันแรก
รัฐบาล Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 65/66 วงเงินรวมเกือบ 8,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันนี้ (26 ธันวาคม 2566) เป็นวันแรก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธาน Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา ว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลและสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยมีความสุขกับของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลได้มอบให้
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 64.53 ล้านตัน เป็นเงิน 7,743.859 ล้านบาท โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันนี้ (26 ธันวาคม 2566) เป็นวันแรก ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันนี้มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 105,411 ราย เป็นเงิน 6,918.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน เกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนจะสามารถเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี รวมทั้งนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเผาอ้อย ในอนาคตเราจะนำเครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการในไร่อ้อย ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การเพาะปลูก การบำรุง และการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จาก https://mgronline.com วันที่ 26 ธันวาคม 2566
ก.อุตฯ Kick off เงินสนับสนุนตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา เข้าบัญชีวันนี้วันแรก มอบเป็นของขวัญปีใหม่ชาวไร่อ้อย
ก.อุตฯ Kick off เงินสนับสนุนตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา เข้าบัญชีวันนี้วันแรก มอบเป็นของขวัญปีใหม่ชาวไร่อ้อย
วันที่ 26 ธันวาคม 2566 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดงาน Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วม ณ บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
รัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 64.53 ล้านตัน เป็นเงิน 7,743.859 ล้านบาท โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันนี้ (26 ธันวาคม 2566) เป็นวันแรก ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันนี้มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 105,411 ราย เป็นเงิน 6,918.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน เกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนจะสามารถเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี รวมทั้งนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเผาอ้อย ในอนาคตเราจะนำเครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการในไร่อ้อย ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การเพาะปลูก การบำรุง และการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ สำหรับการ Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลและสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลมอบให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย
https://www.industry.go.th วันที่ 26 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยเฮ! รับของขวัญปีใหม่รัฐบาลคิกออฟโอนเงินให้แล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธาน Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา ว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลและสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยมีความสุขกับของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลได้มอบให้
ด้านน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 64.53 ล้านตัน เป็นเงิน 7,743.859 ล้านบาท โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันที่ 26 ธ.ค.2566 เป็นวันแรก ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันนี้มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 105,411 ราย เป็นเงิน 6,918.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน เกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนจะสามารถเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี รวมทั้งนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเผาอ้อย
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเราจะนำเครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการในไร่อ้อย ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การเพาะปลูก การบำรุง และการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
https://www.khaosod.co.th วันที่ 26 ธันวาคม 2566
อุตฯน้ำตาลขยายตัวได้แม้เผชิญภัยแล้ง
อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวแม้ต้องเผชิญปัญหาภัยแล้ง โดยปัจจัยที่ต้องจับตา เช่น นโยบายควบคุมการส่งออกของอินเดีย
นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เกียรติศักดิ์ คำสี ระบุ อุตสาหกรรมน้ำตาลในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวแม้ต้องเผชิญปัญหาภัยแล้ง โดยปัจจัยที่ต้องจับตา เช่น นโยบายควบคุมการส่งออกของอินเดีย ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า ส่วนปริมาณผลผลิตน้ำตาลไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 8.7 ล้านตัน ลดลง 20.9%
https://www.bangkokbiznews.com วันที่ 26 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยรับของขวัญปีใหม่ รัฐบาลโอนเงินตัดอ้อยสดเข้าบัญชีวันแรก
เริ่มโอนวันนี้! ชาวไร่อ้อยรับของขวัญปีใหม่ เงินตัดอ้อยสดฤดูการผลิต 65/66 ตันละ 120 บาท สนับสนุนเกษตรกรตัดอ้อยสดคุณภาพดีต่อเนื่องปีที่ 3 หวังลดฝุ่น PM2.5
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธาน Kick off โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปีที่ผ่านมาว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลและสนับสนุนเกษตรกรไร่อ้อยให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยมีความสุขกับของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลได้มอบให้
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน 125,139 ราย ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 64.53 ล้านตัน เป็นเงิน 7,743.859 ล้านบาท โดยรัฐบาลเริ่มโอนเงินวันนี้ (26 ธ.ค.) เป็นวันแรก
ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวันนี้มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับเงิน 105,411 ราย เป็นเงิน 6,918.02 ล้านบาท หรือคิดเป็น 84% ของเกษตรกรที่มีสิทธิ์ได้รับเงิน
ทั้งนี้ โครงการสนับสนุนชาวไร้อ้อยเป็นโครงการที่มีต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนสามารถเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี รวมทั้งนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการเผาอ้อยในอนาคต รวมทั้งให้เกิดการนำเครื่องจักรกลการเกษตรและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการในไร่อ้อย ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การเพาะปลูก การบำรุง และการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
"นอกจากนี้ กระทรวงได้หารือกับเกษตรการชาวไร่อ้อยในการตั้งเป้าให้เกิดอ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 25% ในฤดูการผลิตปี 66/67 เพื่อแสดงถึงความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งนี้แม้ว่าการดำเนินโครงการ 3 ปีที่ผ่านมา ปริมาณอ้อยไฟไหม้ไม่ลดลงมาก แต่เงินสนับสนุนดังกล่าวส่งเสริมให้ชาวไร่อ้อยมีการปรับปรุงพื้นที่ปลูกสำหรับใช้เครื่องจักรการเกษตรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลดอัตราอ้อยไฟไหม้ได้ในอนาคต"
https://www.bangkokbiznews.com วันที่ 26 ธันวาคม 2566
ธ.ก.ส. โอน 26 ธ.ค. นี้ เงินอุดหนุนชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดลด PM 2.5 กว่า 7 พันล้านบาท
ธ.ก.ส. พร้อมจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิต 65/66 ตามนโยบายรัฐบาล โดยเริ่มโอนครั้งที่ 1 ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 1.1 แสนราย วงเงินกว่า 7.1 ล้านบาท ปริมาณอ้อยสดคุณภาพดีกว่า 59 ล้านตัน ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้
นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้โอนเงินโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิต 2565/2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สามารถช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยไปแล้วกว่า 220,000 ราย เป็นเงินกว่า 14,000 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เห็นชอบให้สนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานในอัตราไร่ละไม่เกิน 120 บาทต่อตัน เป้าหมายเกษตรกร 200,000 ราย กรอบวงเงิน 7,990.6 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่ธันวาคม 2566 - เมษายน 2567
นอกจากนี้ มติคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อจูงใจให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดปัญหาการเผา ลดปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 โดยจ่ายเงินช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงาน ธ.ก.ส. พร้อมจ่ายเงินให้เกษตรกรตามข้อมูลชาวไร่อ้อยที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จัดส่งให้จำนวน 113,597 คน เป็นจำนวนเงิน 7,158,166,722.48 บาท มีปริมาณอ้อยสดคุณภาพดี 59,651,389.354 ตัน
จาก https://www.bangkokbiznews.com วันที่ 26 ธันวาคม 2566
เริ่มฤดูหีบ! อ้อยไฟไหม้ยังว้าวุ่น ชาวไร่ทวงเงินตัดอ้อยสดอีกรอบ
ฤดูหีบอ้อยปี 2566/67 เริ่มแล้วหลังกอน.เคาะ 57 โรงงานทยอยเปิดหีบตั้งแต่ 10 ธ.ค. พร้อมประกาศราคาอ้อยขั้นต้น 1,420 บาทต่อตัน ท่ามกลางนโยบายลดอ้อยไฟไหม้ให้มีอัตราไม่เกิน 25% ของปริมาณอ้อยรวมเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ยังคงเสี่ยงหลังชาวไร่ตบเท้าพบนายกฯ ทำหนังสือถึงเลขาฯ กอน.ยื่นรัฐทวง 120 บาท/ตันสนับสนุนอีกรอบ พร้อมให้กำหนดหักอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาทจ่ายให้คนตัดอ้อยสด
นายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ตัวแทนชาวไร่อ้อยในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า กอน.เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ได้เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2566/67 ที่ 1,420 บาท/ตัน ณ ระดับความหวานที่ 10 ชีชีเอส หรือเท่ากับ 91.43% ของราคาประมาณการอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ซึ่งแม้ว่าราคาดังกล่าวจะค่อนข้างสูงแต่ชาวไร่เองยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้านทั้งต้นทุนที่แพงจากปุ๋ย ยากำจัดวัชพืช ฯลฯ ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น การส่งเสริมตัดอ้อยสดที่ยังไม่ชัดเจนถึงเงินช่วยเหลือในฤดูหีบใหม่ รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกที่จะส่งผลกระทบต่อราคาอ้อยขั้นสุดท้ายอีกด้วย
ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกระยะนี้กลับมาอ่อนตัวอีกครั้งเป็นเรื่องที่คงต้องติดตามใกล้ชิด ซึ่งคาดหวังว่าด้วยปริมาณสต๊อกน้ำตาลทรายทั่วโลกยังคงขาดแคลน ประกอบกับไทยเองหากพิจารณาจากในแง่ปริมาณอ้อยที่กอน.ได้กำหนดเปิดหีบ 57 โรงงานทยอยเปิดหีบเริ่ม 10 ธ.ค.เป็นต้นไปก็มีแนวโน้มจะลดต่ำจากฤดูหีบที่ผ่านมาโดยคาดว่าจะอยู่ราว 70-80 ล้านตันเท่านั้นก็จะเป็นอีกส่วนที่ทำให้ราคาตลาดโลกจะขยับขึ้น โดยสิ่งที่ต้องดูคือราคาน้ำมันหากขึ้นสูงบราซิลหันไปผลิตเอทานอลแทนน้ำตาลก็จะทำให้น้ำตาลจะปรับตัวสูงขึ้นอีก นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2565/66 กอน.ได้เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2565/2566 เป็นรายเขต 9 เขต โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตราตันละ 1,209.11 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซีซีเอส และให้มีการจัดเก็บเงินตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายพ.ศ. 2527 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2565 ให้แก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายในอัตรา 19.81 บาท จากชาวไร่อ้อยในสัดส่วน 70% และโรงงานน้ำตาลในสัดส่วน 30% (ฤดูการผลิตปี 2564/2565 จัดเก็บในอัตราตันละ 9.81 บาท และฤดูการผลิตปี 2565/2566 จัดเก็บในอัตราตันละ 10 บาท)
นายพนม ตะโกเมือง อุปนายกชาวไร่อ้อย เขต 7 จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย นำกรรมการสมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเขต 7 เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ขอบคุณที่ช่วยพิจารณาเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ราว 8,000 ล้านบาทคิดเป็นอัตราตันละ 120 บาทในฤดูหีบปี 2565/66 ที่ค้างจ่าย อย่างไรก็ตามในปี 2566/67 ที่กำหนดเปิดหีบตั้งแต่ 10 ธ.ค.นี้นั้นได้ยืนยันถึงความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินดังกล่าวเช่นกันในการลดอ้อยไหม้ให้มีอัตราไม่เกิน 25% ของปริมาณอ้อยรวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา 4 องค์กรชาวไร่อ้อยยังได้ยื่นหนังสือเสนอแนวทางดังกล่าวไปยังเลขาฯกอน.แล้วเช่นกัน โดยขอให้สนับสนุนตัดอ้อยสดเช่นเดียวกับใน 3 ฤดูกาลผลิตที่ผ่านมากล่าวคือขอรับการสนับสนุนค่าตัดอ้อยสดตันละ 120 บาทจากรัฐบาลและกำหนดให้มีการหักราคาอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาทแล้วดำเนินการจ่ายเพิ่มให้แก่ผู้ตัดอ้อยสดเป็นรายโรงงานตามระเบียบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเห็นว่าหากล่าช้าความเสียหายและเกิดความขัดแย้งจะมีอีกเช่นฤดูกาลผลิตที่ผ่านมา
จาก https://mgronline.com วันที่ 12 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยเฮ! รัฐจ่ายเงินหนุนตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน มอบเป็นของขวัญปีใหม่
ครม. อนุมัติ 8,000 ล้าน ให้ กระทรวงอุตสาหกรรม มอบเป็นของขวัญปีใหม่ ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยไทยกว่า 140,000 คน
จากการคาดการณ์ใน ปี 2567-2568 ถึงแม้อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่มที่มีการใช้น้ำตาลในการเป็นวัตถุดิบในการผลิตจะขยายตัวเพิ่มขึ้น หากแต่เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาล กลับต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องต้นทุนการเพาะปลูกที่สูงขึ้นทั้งด้านพลังงาน ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และค่าจ้างแรงงานเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะอ้อยสด ซึ่งส่งผลต่อรายได้สุทธิและการตัดสินใจเพาะปลูกของเกษตรกร
ทั้งนี้ในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 นางสาว พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เล็งเห็นปัญหาต่างๆและได้เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเริ่มจากการเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น pm 2.5 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังประชุมได้ มีการอนุมัติโครงการดังกล่าว ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหนองบัวลำภูที่ทราบข่าวร่วมตัวกันเดินทางมาที่ รอพบคณะรัฐมนตรี กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีกำหนดการณ์มาดูงานที่โรงงานน้ำตาลเอราวัณ เมื่อ นางสาว พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ได้เดินทางมาถึง นาย สมพร สังข์ศิริ ตัวแทนสมาชิกสมาคมชาวไร่อ้อยหนองบัวลำภู ได้ขอบคุณเป็นภาษาอีสาน ดังนี้ ผมขอเป็นตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อยหนองบัวลำภู และชาวไร่อ้อยไทย ที่ได้รับของขวัญปีใหม่ได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท รวมๆแล้วได้เงินเป็นหมื่นรที่สร้างรายได้เป็นเงินหลักหมื่น ต่อครอบครับ และหวังว่าจะมีของขวัญแบบนี้ให้ทุกๆปี แล้วชาวเกษตรกรชาวไร่อ้อยก็มีของขวัญปีใหม่คือสัญญาที่จะทำการเก็บเกี่ยวเฉพาะอ้อยสด เท่านั้นมอบให้ ครม. ด้วยเช่นกัน
จากการอนุมัติโครงการดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการ ประมาณ 140,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท อีกทั้งการที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด นั้นมีผลดีหลายอย่าง เช่น จะทำให้อ้อยที่เก็บเกี่ยวมีปริมาณมากขึ้นเพราะไม่สูญเสียจากความร้อนของไฟที่เผาไหม้ หรือสารอาหารแร่ธาตุต่างๆในดินก็ไม่เสียหาย และที่สำคัญ ยังลดมลพิษ pm 2.5 ในอากาศ เมื่อไม่มีการเผาไหม้ก็เกิดผลดีทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
จาก https://www.naewna.com วันที่ 6 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยพิมายเฮ ครม.อนุมัติเงินชดเชยตัดอ้อยสด 8 พันล้าน หวังมีโครงการนี้ทุกปี
ชาวไร่อ้อยที่ อ.พิมาย ได้เฮ หลัง ครม.มีมติอนุมัติเงินชดเชยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 วงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท หวังเห็นโครงการนี้ทุกปี เพราะชาวไร่อ้อยจะได้นำไปลงทุนต่อยอด
กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 วงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณในส่วนของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือขององค์กรการค้าโลกนั้น
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากมติ ครม.ดังกล่าว ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยรายหลายในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ต่างดีใจหลังทราบข่าว ว่ารัฐบาลเตรียมอนุมัติเงินช่วยเหลือ โดย นาง วรรณา ใยไหม อายุ 66 ปี เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในตำบลหนองระเวียง อำเภอพิมาย บอกว่า ตนเองมีอาชีพ ปลูกอ้อยมานานหลายปี โดยปีนี้ลงทุนปลูกอ้อย จำนวน 9 ไร่ หลังรัฐบาลจะจ่ายเงิน ค่าตัดอ้อยสดชาวไร่อ้อยตันละ 120 บาท ตนเองดีใจมาก ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำไปลงทุนในการเพาะปลูกอ้อยในฤดูกาลต่อไปอีก ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ดี และอยากให้รัฐบาลมีโครงการที่ดีๆ อย่างนี้ทุกๆ ปี.
จาก https://www.thairath.co.th วันที่ 6 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยมีเฮ!พิมพ์ภัทรา มอบของขวัญปีใหม่ เงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดสามารถเริ่มได้มกราคม 67
ชาวไร่อ้อยมีเฮ!พิมพ์ภัทรา มอบของขวัญปีใหม่ เงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดสามารถเริ่มได้มกราคม 67
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น pm 2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย ทั้งนี้ โครงการฯจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่สนับสนุนชาวไร่อ้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย และทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อย นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว
จาก https://www.industry.go.th วันที่ 5 ธันวาคม 2566
พิมพ์ภัทรา ให้ความเชื่อมั่นชาวไร่อ้อย ทุกปัญหามีทางออก ย้ำพร้อมช่วยเหลืออุตฯ อ้อยให้ดีขึ้น แย้มข่าวดีเสนอ ครม.อนุมัติเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดคุณภาพดี
จังหวัดอุดรธานี 3 ธ.ค.66 พิมพ์ภัทรา ให้คำมั่นต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกปัญหามีทางออก และพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ สั่งการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) หาแนวทางดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิด แย้มข่าวดีหากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น pm 2.5 คาดว่าชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในช่วงที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้นได้
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิขัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวไร่อ้อยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทรายในปัจจุบัน ล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น จะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/67 ได้มีการผลักดันให้มีราคาที่ 1,400 บาท/ตันอ้อย เนื่องจากต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่สูงขึ้นและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งการขึ้นราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อชาวไร่อ้อยโดยช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง แต่จะ ทำให้น้ำตาลในประเทศมีปริมาณที่เพียงพอและมีเสถียรภาพมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศอย่างไร พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด
ดิฉัน เชื่อว่าทุกปัญหาจะมีทางออกหากพวกเราร่วมมือกัน โดยกระทรวงฯ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศและภาวะเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน นางสาวพิมพ์ภัทราฯ กล่าว
จากนั้น คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (นายณัฐพล รังสิตพล) และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เยี่ยมชมนิทรรศการพันธุ์อ้อย ชมการสาธิตการใช้โดรนในการใส่ปุ๋ย พ่นยาฆ่าแมลง ชมการสาธิตเครื่องจักรกลการเกษตร การวิเคราะห์ดิน และการผสมปุ๋ย พร้อมมอบรางวัลให้กับชาวไร่อ้อยดีเด่น และมอบเครื่องสางใบอ้อยให้เกษตรกรชาวไร่ยืมไว้ใช้ในการดำเนินงาน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังกล่าวปิดท้ายด้วยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.66) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น pm 2.5 ซึ่งชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (จังหวัดบึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี มีนางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกภัทร วังสุวรรณ นางสาวณัฎฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางศิริเพ็ญ เกียรติเฟื่องฟู รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตาสาหกรรม และคณะข้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี
จาก https://www.industry.go.th วันที่ 5 ธันวาคม 2566
เช็คเงินหนุนตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน วงเงิน 8 พันล.เริ่มจ่ายงวดแรกม.ค.67
เช็คเงินหนุนตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน วงเงิน 8 พันล.เริ่มจ่ายงวดแรกม.ค.67 หลัง ครม. มีมติอนุมัติ มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
เงินสนับสนุนกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ปีการผลิต 2565/2566 วงเงิน 8,000 ล้านบาท ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า จากวงเงินงบประมาณดังกล่าวชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพี่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวไร่อ้อย
"โครงการฯจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น โดยเชื่อว่าจะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น และทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น"
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวต่อไปอีกว่า วงเงินงบประมาณดังกล่าวเป็นการใช้งบประมาณในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) โดยไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของ WTO
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังติดตามสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทรายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท
ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
จาก https://www.thansettakij.com วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ครม.ไฟเขียวงบ 'ตัดอ้อยสด' 8,000 ล้านบาท แจกชาวไร่ เริ่มเดือนมกราคม ปี2567
ครม.ไฟเขียวงบ ตัดอ้อยสด ตันละ 120 บาท วงเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล' รมว.อุตสาหกรรม ชี้เป็นของขวัญปีใหม่ชาวไร่ เริ่มแจก 1.4 แสนราย เดือนมกราคม ปี2567
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.หนองบัวลำภู ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน วันนี้ (4 ธ.ค.) เห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 วงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่นpm 2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่า มีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
ทั้งนี้ โครงการฯจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่สนับสนุนชาวไร่อ้อย ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย และทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น
โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อย รมว.อุตสาหกรรม กล่าวสรุป
จาก https://www.komchadluek.net วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยเฮ ! ครม.เคาะเงินช่วยเหลือตัดอ้อยสดปี 65/66 เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ตันละ 120 บาทคาดมีชาวไร่อ้อย 140,000 รายรับประโยชน์ โดยเงินจะถึงมือเป็นของขวัญปีใหม่ในเดือนม.ค. 67
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่นPM 2.5 ฤดูผลิตปี 65/66 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย ทั้งนี้ โครงการฯจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่สนับสนุนชาวไร่อ้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย และทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อย นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว
จาก https://mgronline.com วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อย เฮลั่น ของขวัญปีใหม่ รับเงินค่าตัดอ้อยสด ตันละ 120 บาท
ชาวไร่อ้อย เฮลั่น รัฐมอบของขวัญปีใหม่ จ่ายเงินค่าตัดอ้อยสด ตันละ 120 บาท คาดใช้งบ เป็นเงิน 8,000 ล้าน ช่วยชาวไร่ 1.4 แสนราย
วันที่ 4 ธ.ค.2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีตันละ 120 บาท เป็นเงิน 8,000 ล้านบาท เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ชาวไร่อ้อยทวงสัญญารัฐบาล ค่าชดเชยตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 ขู่หากไม่จ่ายก็ต้องเผา
ชาวไร่อ้อย ขู่ปิดโรงงานทั่วประเทศ 5 พ.ย. นี้ หากไม่ยอมให้ขึ้นราคาน้ำตาล
คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนม.ค.2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อย
จาก https://www.khaosod.co.th วันที่ 4 ธันวาคม 2566
ชาวไร่อ้อยเฮ! ครม.ไฟเขียวงบฯ 8,000 ล้านบาท จ่ายค่าตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน
ครม.สัญจรหนองบัวลำภูไฟเขียวงบฯ 8,000 ล้านบาท จ่ายค่าตัดอ้อยสดชาวไร่อ้อยตันละ 120 บาท แก้ปัญหา PM2.5 และช่วยต้นทุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ชาวไร่อ้อยได้ประโยชน์ 1.4 แสนราย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.หนองบัวลำภู ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน วันนี้ (4 ธ.ค.) เห็นชอบโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อ ลดฝุ่น PM 2.5 วงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบประมาณในส่วนของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือขององค์กรการค้าโลก (WTO)
โดยก่อนหน้านี้นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวไร่อ้อย ณ สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทราย ล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น จะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการผลักดันให้มีการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/67 ในอัตรา 1,400 บาท/ตันอ้อย เพิ่มขึ้นจากราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 2565/66 ซึ่งอยู่ที่ 1,080 บาท/ตันอ้อย เนื่องจากต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่สูงขึ้นและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ธันวาคม 2566) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 (โครงการฯ) กรอบวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 7,990.60 ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอโดยงบประมาณส่วนนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) รับภาระก่อนแล้วรัฐบาลจะจ่ายคืนให้ภายหลัง โดยมีสาระสำคัญคือ
1. อัตราการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตามโครงการฯ ในอัตราไม่เกิน 120 บาทต่อตัน เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถดำเนินการเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี1 และนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดที่ทำให้เกิดการลักลอบเผาอ้อย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสนับสนุนดังกล่าวจะเป็นแนวทางในการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้สามารถดำเนินการเก็บเกี่ยวอ้อยสดและนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการเก็บเกี่ยวอ้อยสด
2. ค่าใช้จ่ายโครงการฯ ในอัตราไม่เกิน 120 บาทต่อตัน เป็นจำนวนเงิน 7,775.01 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
3. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของ ธ.ก.ส. รวมจำนวนเงิน 215.59 ล้านบาท
ทั้งนี้การขอรับเงินอุดหนุนโครงการฯ ไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้ WTO เนื่องจากมาตรการดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อส่งเสริมการตัดอ้อยสด ลดปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้ WTO ในข้อกำหนดด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Green box) ด้านการเกษตร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและราคาสินค้า
จาก https://www.bangkokbiznews.com วันที่ 4 ธันวาคม 2566
"ชาวไร่อ้อย"ลุ้นเงิน 8 พันล้านวันนี้ โครงการตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน
"ชาวไร่อ้อย"ลุ้นเงิน 8 พันล้านวันนี้ โครงการตัดอ้อยสด 120 บาท/ตัน หลังกระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติ คาดมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 140,000 ราย มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนช่วงต้นทุนการผลิตปรับตัวสูง
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิขัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (4 ธ.ค.66) กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ให้ ครม.พิจาณา
โดยมองว่า ชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ หาก ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า กระทรวงฯติดตามสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทรายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น จะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/67 ได้มีการผลักดันให้มีราคาที่ 1,400 บาท/ตันอ้อย เนื่องจากต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่สูงขึ้นและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งการขึ้นราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อชาวไร่อ้อยโดยช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง แต่จะทำให้น้ำตาลในประเทศมีปริมาณที่เพียงพอและมีเสถียรภาพมากขึ้นตามไปด้วย โดยได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศอย่างไร พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด
กระทรวงฯ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่น เช่น สภาพอากาศและภาวะเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
สำหรับวาระดังกล่าวนั้น ตามจริงแล้วจะจต้องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาตั้งแต่การประชุมวันที่ 21 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา แต่เสนอเข้าไม่ทัน
โดยในครั้งนั้นนางสาวพิมพ์ภัทรา ระบุว่า เงินชดเชยตัดอ้อย ยังไม่เสนอเข้าครม.ใน เพราะตอนนี้ยังต้องให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาก่อน ทั้งกระทรวงการคลัง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ก่อน และหากได้รับคำตอบแล้วจะเร่งเสนอครม.ให้เร็วที่สุด
จาก https://www.thansettakij.com วันที่ 4 ธันวาคม 2566
"พาณิชย์"จ่อชงครม.จ่ายเงินคืนค่าตัดอ้อยสดชาวไร่อ้อยช่วยลด PM 2.5
"พาณิชย์"จ่อชงครม.จ่ายเงินคืนค่าตัดอ้อยสดชาวไร่อ้อยช่วยลด PM 2.5 หลังรัฐบาลชุดที่แล้วยังติดค้างจ่าย เผยจะร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมทำให้แล้วเสร็จทันทีที่มีการจัดสรรงบประมาณใหม่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงภารกิจในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2566 หรือ ครม.สัญจร ครั้งแรกที่ จ.หนองบัวลำภู ว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 4 ธ.ค. 66 นั้น จะมีการนำเสนอให้ ครม. พิจารณาในการหาช่องทางจ่ายเงินคืนค่าตัดอ้อยสด ที่ชาวไร่อ้อยได้ช่วยลดมลพิษ PM 2.5 ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วติดค้างจ่ายให้ชาวไร่อ้อย โดยกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม จะช่วยกันดำเนินการให้แล้วเสร็จทันทีที่มีการจัดสรรงบประมาณใหม่เป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ดี จากการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ 5 จังหวัด หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ และเลย ทำให้เกิดประเด็นที่จะนำเสนอ ครม. ประกอบด้วย
การขอขยายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษหนองคายให้ครอบคลุมถึงเขตนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เพื่อให้ผู้ประกอบการในนิคมฯ อุดรธานี ได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับผู้ประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย
การจัดตั้งเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี (E-commerce)
การประกาศเขตพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีให้เป็นเขตศุลกากร
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้นางสาวณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สำรวจปัญหาผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย ทำให้เกิดถนนขาด ประชาชนเดือดร้อน สัญจรไม่สะดวก
รวมถึงสำรวจปัญหาข้อร้องเรียนเรื่องการจัดสรรเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้ประชาชน พื้นที่ ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู และยังมีการเข้าร่วมประชุมแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ และผู้แทนจากภาคเอกชน เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัด เตรียมความพร้อมในการนำเสนอโครงการให้ ครม. พิจารณา
นอกจากนี้ ยังได้มีการมอบหมายให้ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่และจัดกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อช่วยขยายการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การเจาะตลาดการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยผลจากกิจกรรมในครั้งนี้ทำให้เกิดการเจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์ของผู้ประกอบการไทย ที่พร้อมเจรจาการค้ากับต่างประเทศจำนวน 53 ราย
จาก https://www.thansettakij.com วันที่ 3 ธันวาคม 2566
พิมพ์ภัทรา ชงครม. ของบ 8 พันล้าน หนุนตัดอ้อยสดลด PM2.5
"ชาวไร่อ้อย"เตรียมเฮ"พิมพ์ภัทรา"จ่อชง ครม.ของบ 8 พันล้านหนุนตัดสดลด PM2.5 ชี้ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตันละ 120 บาท คาดมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิขัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวไร่อ้อยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น pm 2.5 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ (4 ธ.ค.66) พิจาณา
ทั้งนี้ มองว่าชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า กระทรวงฯติดตามสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทรายในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น จะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/67 ได้มีการผลักดันให้มีราคาที่ 1,400 บาท/ตันอ้อย เนื่องจากต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่สูงขึ้นและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งการขึ้นราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อชาวไร่อ้อยโดยช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง แต่จะทำให้น้ำตาลในประเทศมีปริมาณที่เพียงพอและมีเสถียรภาพมากขึ้นตามไปด้วย โดยได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศอย่างไร พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด
กระทรวงฯ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่น เช่น สภาพอากาศและภาวะเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
จาก https://www.thansettakij.com วันที่ 3 ธันวาคม 2566
พิมพ์ภัทราแย้มข่าวดีครม.4ธ.ค.มีลุ้นเพิ่มเงินตัดอ้อยสด120บ./ตัน
พิมพ์ภัทรา รุดลงพื้นที่พบปะชาวไร่อ้อยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แย้มข่าวดีรอลุ้นครม. พรุ่งนี้เคาะเงินช่วยเหลือตัดอ้อยสดลดฝุ่นPM2.5 วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในช่วงที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้นได้
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิขัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวไร่อ้อยพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.66) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น pm 2.5 วงเงินประมาณ 8,000 ล้านบาทเพื่อให้ชาวไร่อ้อยได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันเพิ่มอีกตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือชาวไร่อ้อยหลังจากที่ราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานได้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท เพื่อใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 66/67 ซึ่งการขึ้นราคาน้ำตาลอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง แต่จะ ทำให้น้ำตาลในประเทศมีปริมาณที่เพียงพอและมีเสถียรภาพมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศอย่างไร พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ดิฉัน เชื่อว่าทุกปัญหาจะมีทางออกหากพวกเราร่วมมือกัน โดยกระทรวงฯ จะประสานกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศและภาวะเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน นางสาวพิมพ์ภัทราฯ กล่าว
จากนั้น คณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม(นายณัฐพล รังสิตพล) และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เยี่ยมชมนิทรรศการพันธุ์อ้อย ชมการสาธิตการใช้โดรนในการใส่ปุ๋ย พ่นยาฆ่าแมลง ชมการสาธิตเครื่องจักรกลการเกษตร การวิเคราะห์ดิน และการผสมปุ๋ย พร้อมมอบรางวัลให้กับชาวไร่อ้อยดีเด่น และมอบเครื่องสางใบอ้อยให้เกษตรกรชาวไร่ยืมไว้ใช้ในการดำเนินงาน
จาก https://mgronline.com วันที่ 3 ธันวาคม 2566
'พิมพ์ภัทรา' ชง ครม.สัญจร เคาะงบตัดอ้อยสด 8,000 ล้าน
รมว.อุตสาหกรรมชงครม.สัญจร หนองบัวลำภู อนุมัติเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 วงเงิน 8,000 ล้านบาท ช่วยชาวไร่อ้อยพยุงต้นทุนผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ดันราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิต 66/67 ที่ 1,400 บาทต่อตัน
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิขัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวไร่อ้อย ณ สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี วันนี้ (3 ธ.ค.) ในการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ราคาอ้อยและน้ำตาลทราย ล่าสุดราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานกิโลกรัมละ 21-22 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะใช้เป็นองค์ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยขั้นต้น จะทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยและโรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
โดยในการประชุมครม. วันพรุ่งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำเสนอโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 งบประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย ในขณะที่ต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ หาก ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว ชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท โดยที่คาดว่าจะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย
นอกจากนี้ ยังได้มีการผลักดันให้มีการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2566/67 ที่ 1,400 บาท/ตันอ้อย เพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2565/66 ซึ่งอยู่ที่ 1,080 บาท/ตันอ้อย เนื่องจากต้นทุนการผลิตอ้อยของชาวไร่สูงขึ้นและความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การขึ้นราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้ ส่งผลดีต่อชาวไร่อ้อย โดยช่วยให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง แต่จะทำให้น้ำตาลในประเทศมีปริมาณที่เพียงพอ และมีเสถียรภาพมากขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก ว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศอย่างไร พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือดูแลปัญหาอย่างใกล้ชิด
โดยกระทรวงฯ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวโน้มราคาน้ำตาลทรายในอนาคตที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการน้ำตาลทรายในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศและภาวะเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำตาลทรายได้ เรื่องนี้เราก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว
จาก https://www.bangkokbiznews.com วันที่ 3 ธันวาคม 2566